สายพันธุ์โควิดล่าสุดหรือสายพันธุ์โควิด 2567 ก็คือ โควิดในสายพันธุ์ JN.1 โดยโควิดในสายพันธุ์ดังกล่าวนี้เป็นสายพันธุ์ที่มีการตรวจพบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ในส่วนของประเทศไทยพบว่าในเดือนพฤศจิกายนมีสายพันธุ์หลักที่พบการระบาดอย่างหนัก คือ โควิดสายพันธุ์ HK3 (โควิดสายพันธุ์ HK3 ไม่ใช่โควิดสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่ แต่โควิดสายพันธุ์ HK3 นั้นเป็นโควิดสายพันธุ์ที่เกิดจากโควิดในสายพันธุ์ XBB.1.19.2.5 หรือในอีกชื่อหนึ่ง คือ โควิดสายพันธุ์ EG.5)
โควิด JN.1 อาการไม่รุนแรงมากนัก และ โควิด JN.1 อาการ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมแต่อย่างใด โดยโควิด JN.1 อาการคล้ายคลึงกับอาการของโรคหวัด นั่นก็คือ การมีไข้อ่อน ๆ การเจ็บคอ คัดจมูก มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามร่างกาย จนทำให้หลาย ๆ ท่านเกิดความสับสนได้ว่าโควิด JN.1 อาการที่เป็นเป็นเพียงแค่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจที่ไม่รุนแรงแต่อย่างใด
พบได้ทั้งไม่มีอาการแสดงหรือมีอาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการรุนแรงมาก ซึ่งอาการของไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 มีหลายอย่างที่เหมือนกัน ได้แก่
แม้ว่าอาการของไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ แต่ก็มีข้อสังเกตของอาการบางประการที่มีความแตกต่าง ได้แก่
หากจะแยกความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่กับโควิด-19 โดยดูจากอาการเพียงอย่างเดียวอาจทำได้ยาก เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันมาก จึงมีความจำเป็นต้องมีการตรวจหาเชื้อที่เฉพาะเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เช่นการตรวจด้วยวิธี RT-PCR หรือ วิธี FIA (fluoroimmunoassay) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจหาเชื้อจากห้องปฏิบัติการ
โดยทั่วไปเราแยกอาการความแตกต่างของไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ได้ยาก และไม่สามารถแยกได้จากอาการเพียงอย่างเดียว เนื่องจากอาการแสดงของ 2 โรคนี้มีความคล้ายกันมาก การตรวจหาเชื้อไวรัสเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ทราบว่าเป็นเชื้อชนิดไหน เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การทำความเข้าใจถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่กับโควิด-19 และวิธีการปกป้องตัวเอง เช่น การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย และการรักษาระยะห่าง รวมไปถึงการเข้ารับวัคซีนป้องกันอาจช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ และช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ได้