ซื้อยาให้ลูกเล็กทานเอง เสี่ยงแค่ไหน ทำไมควรหลีกเลี่ยง

ซื้อยาให้ลูกเล็กทานเอง เสี่ยงแค่ไหน ทำไมควรหลีกเลี่ยง

เมื่อลูกน้อยมีความเจ็บป่วยไม่สบายเกิดขึ้น สิ่งแรกที่พ่อแม่ นึกถึง ก็คงเป็น “ยา” และช่องทางการได้มาซึ่งยานั้นก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล หรือไปหาคุณเภสัชกรที่ร้านยา แต่วิธีที่กล่าวไปนั้นก็อาจจะต้องใช้เวลาและไม่ได้สะดวกสบายสำหรับทุกคนเสมอไป บางคนจึงเลือกเข้าถึงยาโดยการ “ซื้อยาให้ลูกกินเอง” ไม่ว่าจะเป็นจากทางออนไลน์ จากโฆษณาต่าง ๆ จากร้านยาที่ไม่มีเภสัชกร รวมถึงการซื้อยาตามคำบอกเล่าของเพื่อนหรือคนรู้จัก



เหตุผล ข้อ ที่คุณ ไม่ควรซื้อยากินเอง

1. เป็นอันตราย

ยาที่ได้รับมาจากบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์หรือแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นยาที่ไม่มีมาตรฐาน เสื่อมคุณภาพ หรือเป็นยาปลอม หากรับประทานหรือใช้ไปแล้ว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ แทนที่จะเป็นการรักษาความเจ็บป่วย กลับจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้


2. ผลของยาไม่ได้เหมือนกันทุกคน

การเลือกใช้ยาให้กับผู้ป่วยในแต่ละราย ผู้ป่วยแม้มีอาการป่วยเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้รับยาที่เหมือนกัน เช่น หากมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนกันบางอย่าง เช่น กรณีแพ้ยา หรือมีโรคร่วมที่เป็นข้อห้ามของการใช้ยาบางชนิด เช่น การแพ้ยา หรือโรคแพ้ถั่วปากอ้า ดังนั้น การเลือกใช้ยาตามคนอื่น หรือการที่คนอื่นใช้ยานี้แล้วได้ผลดี จึงไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ผลดีนั้นเหมือนคนอื่นเสมอไป


ข้อห้ามใช้ของยาสำหรับทารกและเด็กเล็กบางชนิดที่ควรจดจำ

1. ยากลุ่มซัลฟา

เพราะยากลุ่มซัลฟาเป็นยาต้านมาลาเรีย ในยาต้านมาลาเรียบางชนิดหากใช้ในคนไข้ที่มีภาวะ G6PD (โรคพร่องเอนไซม์ หรือ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกหากได้รับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ) จะไปกระตุ้นทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและอาจส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางในระยะยาวได้ หากบุตรหลานมีภาวะพร่อมเอนไซม์นี้อยู่ เมื่อได้รับยากลุ่มซัลฟาก็อาจเกิดอันตรายได้นั่นเอง


2. ยาฆ่าเชื้อกลุ่มเตตร้าไซคลิน หรือยาคลอแรมเฟนิคอล

เนื่องจากยาในกลุ่มนี้มีการแนะนำให้ใช้ในเด็กที่อายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไป หากใช้กับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ตัวยาจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ฟัน และสารเคลื่อบฟัน จนทำให้สีของฟันเปลี่ยนไปอย่างถาวร และส่งผลให้กระดูกหยุดการเจริญเติบโตด้วยเช่นกัน


3. ยากลุ่มแอสไพริน

ถึงแม้ว่ายากลุ่มนี้จะอยู่ในหมวดของยาบรรเทาอาการหวัดลดไข้ แต่ก็มีข้อบ่งชี้ว่าห้ามใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี และเด็กที่มีอาการป่วยจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ และอีสุกอีใส เพราะเมื่อร่างกายของเด็กที่มีเชื้อไวรัสและได้รับยากลุ่มนี้ อาจส่งผลให้เกิดรายส์ ซินโดรม (Reye’s syndrome) หรือภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ร่วมกับภาวะตับวายได้


 4. ยากลุ่มโลเพอราไมด์

ยากลุ่มนี้เป็นยาที่หยุดการเคลื่อนไหวของลำไส้ และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ท้องผูก ปวดท้อง และอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้


5. ยากลุ่มเดกซ์โทรเมทอร์แฟน

ยากลุ่มนี้เป็นยากลุ่มกดอาการไอ ห้ามใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เพราะตัวยาอาจไปกดระบบทางเดินหายใจของเด็กได้ เพราะฉะนั้นควรระมัดระวังในการใช้งาน และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด


ถึงแม้ว่ายาสำหรับเด็กแต่ละตัวจะมีการกำหนดช่วงอายุที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ในเด็กแต่ละคนอาจเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรอย่างใกล้ชิด และจดบันทึกยาที่ลูกใช้ทุกตัวว่ามียาตัวไหนที่ลูกมีอาการแพ้หรือควรระมัดระวังเรื่องการใช้งานบ้าง ในการไปพบแพทย์หรือเภสัชกรครั้งต่อไปจะได้แจ้งอาการ และปรึกษาหาตัวยาอื่นมาใช้ทดแทนได้อย่างปลอดภัย