เครียดเรื่องงานทั้งวัน ระวังเครียดลงกระเพราะ
ความเครียดและความวิตกกังวลสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในส่วนต่างๆ ได้
ไม่เว้นแม้แต่ระบบย่อยอาหาร หรือที่เรียกกันว่าภาวะเครียดลงกระเพาะ โดยอาจมีอาการคลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก ท้องเสีย ท้องผูก หรืออาจทำให้โรคในระบบย่อยอาหารที่เป็นอยู่แล้วแย่ลงกว่าเดิม ซึ่งการรักษาและป้องกันอย่างตรงจุดที่สุด คือ การเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้น
ความเครียดส่งผลต่อระบบย่อยอาหารอย่างไร ?
อวัยวะในระบบย่อยอาหารเป็นส่วนที่อ่อนไหวและมีเส้นประสาทจำนวนมาก ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เส้นประสาทเหล่านี้สั่งการให้เลือดไหลเวียนช้าลง ทำให้กล้ามเนื้อในระบบย่อยอาหารทำงานแย่ลง และอาจก่อให้เกิดผลกระทบอื่น ๆ ตามมา ดังนี้
- หลั่งกรดที่จำเป็นต่อการย่อยน้อยลง ส่งผลให้มีภาวะอาหารไม่ย่อยหรือท้องอืด
- ระบบภูมิคุ้มกันทำงานน้อยลง ทำให้เสี่ยงติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้น
- กล้ามเนื้อหลอดอาหารหดเกร็งและมีกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่อาการอาหารไม่ย่อย
- ท้องเสียหรือท้องผูก เนื่องจากลำไส้ใหญ่ตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น
- มีอาการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อน เนื่องจากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร และเกิดการบีบตัวของหลอดอาหารมากยิ่งขึ้น
- มีแบคทีเรียชนิดไม่ดีเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าแบคทีเรียชนิดที่ดี ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี
นอกจากนี้ การเกิดความเครียดยังกระตุ้นให้อาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารแย่ลงได้ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน แผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ เป็นต้น
เครียดลงกระเพาะ รับมืออย่างไร ?
การจัดการกับความเครียดเป็นวิธีบรรเทาอาการจากภาวะเครียดลงกระเพาะที่ได้ผล และสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง หมั่นทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย และพยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามข้อแนะนำต่อไปนี้
- ออกกำลังกายอย่างพอดี การออกกำลังกายกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
- ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เช่น เล่นโยคะ ฟังเพลง วาดรูป ไปเที่ยว เป็นต้น
- ฝึกสมาธิและการหายใจ ทำได้โดยนั่งในท่าที่รู้สึกสบายและหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ จากนั้นหลับตา เพ่งสมาธิไปที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทีละส่วน เริ่มจากศีรษะและไปหยุดที่กลางลำตัวหรือบริเวณท้อง เพื่อให้รู้สึกถึงกระบวนการต่าง ๆ ตามธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นในร่างกาย
- พูดคุยระบายความเครียด การปรึกษาเพื่อน ครอบครัว หรือคนรอบข้าง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้นได้ หรืออาจปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อให้ช่วยแนะนำวิธีรับมือกับความเครียดและปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อปัญหา
- เลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารบางชนิดส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร อีกทั้งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดได้ โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารขยะ อาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมทั้งควรกินนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตให้บ่อยขึ้น เนื่องจากมี Probiotics ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในร่างกาย และทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน
- จัดตารางงานอย่างเหมาะสม ไม่ทำงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อน และจัดสรรงานที่ต้องทำให้เป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ ตั้งเป้าหมายในแต่ละวันเพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามีงานคั่งค้าง หากมีงานต้องรับผิดชอบมากเกินไปจนเกิดความตึงเครียด ควรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า
- หาแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา การเผชิญปัญหาบางอย่างนำมาซึ่งความเครียดและความวิตกกังวลได้ การแก้ไขที่ต้นเหตุของความเครียดจึงนับเป็นวิธีรับมืออย่างตรงจุด หรืออาจลองเปลี่ยนมุมมองความคิดต่อปัญหานั้น ๆ ให้เป็นไปในแง่ดีบ้าง
- เลี่ยงการรับมือกับความเครียดด้วยวิธีที่ผิด เช่น สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น เพราะไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น แต่กลับยิ่งส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร รวมทั้งควรลดกาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำตาล ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเครียดและส่งผลต่อกระบวนการย่อยได้
หากอาการเครียดลงกระเพาะไม่ดีขึ้น ควรทำอย่างไร ?
การหมั่นสังเกตตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย หากสงสัยว่าตนมีอาการของภาวะเครียดลงกระเพาะ การพยายามรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้ด้วยตนเองในเบื้องต้น แต่หากความเครียดยังคงอยู่หรือส่งผลให้โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารที่เป็นอยู่แย่ลง ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและป้องกันอาการของโรครุนแรงขึ้น
นัดหมายแพทย์เพื่อประเมินอาการ