โรคหอบหืดในเด็ก สังเกตจากอะไร?
จะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกเป็นโรคหอบหืด การสังเกตอาการ และการรักษา
โรคหอบหืด คืออะไร?
โรคหืด คือ โรคที่หลอดลมมีการตีบแคบฉับพลัน เนื่องจากหลอดลมมีการอักเสบเรื้อรัง จึงทำให้หลอดลมมีความไวต่อสารกระตุ้นต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เวลาคนไข้มีอาการ จะมีอาการ ไอ แน่นหน้าอก หอบเหนื่อย ออกซิเจนในเลือดต่ำ โดยโรคหืดในเด็กเกิดจากสาเหตุใดนั้นยังไม่มีสาเหตุที่เเน่ชัด แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับปัจจัยบางอย่าง ได้แก่
1. กรรมพันธุ์ พ่อแม่ พี่น้อง มีประวัติโรคประจำตัวภูมิแพ้ หรือ หืด
2. สารก่อภูมิแพ้ อาจสัมพันธ์กับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนแมว ขนสุนัข และเกสรดอกหญ้า
3. ปัจจัยอื่นๆ
- การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น การติดเชื้อไวรัสบางชนิด
การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
- สิ่งระคายเคืองและมลภาวะ
การออกกำลังกาย
ความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และจิตใจ
อาการที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกต
ในเด็กอาจต้องอาศัยการสังเกตอาการ เพราะเด็กไม่สามารถบอกอาการเองได้ ทำให้ได้รับการวินิจฉัยเป็นหลอดลมอักเสบหรือปอดบวมบ่อยๆ โดยลักษณะหรืออาการที่อาจเป็นโรคหืด มีดังนี้
- ในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี เด็กที่มีอาการ ไอ หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อยบ่อยๆ เกิน 3 ครั้งขึ้นไป
ได้ยินเสียงหายใจวี๊ด
ไอนานๆ หายใจเสียงวี๊ดนานๆ หลังจากติดเชื้อ
อาการไอ หรือหายใจวี๊ด มักเป็นตอนกลางคืน หรือหลังได้รับสิ่งกระตุ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้ ออกกำลังกาย หัวเราะ ร้องไห้
อาการไอ หรือหายใจวี๊ด เกิดขึ้นเองโดยที่ไม่มีไข้หรือการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
มีประวัติปอดติดเชื้อ หรือหลอดลมอักเสบบ่อยๆ
ภายหลังจากที่ได้รับการพ่นยาขยายหลอดลมเเล้วไอลดลง
มีประวัติ คุณพ่อคุณแม่หรือพี่น้องเป็นโรคหืด
เด็กมีอาการของภูมิแพ้ เช่น ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้หรือเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือเคยทดสอบภูมิแพ้แล้วผลเป็นบวกต่อสารก่อภูมิแพ้ในอาการหรืออาหารบางชนิด
ในเด็กที่อายุมากกว่า 6 ปี สามารถตรวจสมรรถภาพปอดแล้วพบผลผิดปกติ
การตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจสมรรถภาพปอดเพื่อดูว่ามีภาวะทางเดินหายใจมีการอุดกั้นจากการตีบแคบชั่วคราวของหลอดลมในปอด และตอบสนองต่อยาขยายหลอดลมหรือไม่
ในรายที่มีอาการหอบเหนื่อย อาจจะตรวจ peak flow meter ก่อนเเละหลังพ่นยาขยายหลอดลม เพื่อดูการเปลี่ยนเเปลงของค่าแรงดันอากาศที่หายใจ
เด็กมีอาการของภูมิแพ้ แนะนำให้ตรวจการทดสอบภูมิแพ้
Film Chest X-ray ตามดุลยพินิจของแพทย์
อาการแสดงเมื่อมีอาการหอบ
- หายใจเร็ว พูดแล้วเหนื่อย หรือพูดไม่เป็นประโยค
อาการไอถี่ หรือหายใจแล้วได้ยินเสียงวี๊ด
มีอาการแน่นหน้าอก
ริมฝีปากเขียวคล้ำ
ในเด็กที่เป็นโรคหืด หากลูกมีอาการหอบ หรือหืดจับต้องทำอย่างไร?
- ให้หยุดทำกิจกรรมนั้นๆ
ใช้ยาขยายหลอดลมตามเทคนิคที่แพทย์ได้สอนไว้
หากอาการหอบไม่ดีขึ้นภายใน 15-20 นาที ให้ใช้ยาซ้ำได้อีกครั้งหนึ่ง
ถ้าอาการดีขึ้นพ่นห่าง 6 – 8 ชั่วโมงจนดีขึ้นไป 2-3 วัน
หากยังมีอาการหายใจลำบากหรือไม่ดีขึ้น หลังจากพ่นยาขยายหลอดลมไปแล้ว 3 ครั้ง ให้รีบไปพบแพทย์
โรคหืดในเด็กสามารถรักษาได้อย่างไร?
1.การใช้ยารักษาโรคหืด แบ่งยารักษาออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่
1.1 ยาสำหรับการบรรเทาอาการ
เป็นยาบรรเทาอาการเวลาเด็กมีอาการ ไอหรือหอบหืดกำเริบ เช่น ยาขยายหลอดลม ซึ่งสามารถออกฤทธิ์บรรเทาอาการหลอดลมตีบได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยจะต้องใช้ยาขยายหลอดลมบ่อยมากขึ้นหรือใช้ในปริมาณที่สูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
1.2 ยาสำหรับควบคุมอาการ
ต้องใช้เป็นประจำทุกวัน โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ยาตามความรุนแรงของโรค และแนะนำให้ใช้ยาอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการไม่ให้เกิดโรคกำเริบ
2. การเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารอื่นๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ
3. การรักษาโรคร่วมที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ เช่นโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ เป็นต้น
4. การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
5. รับวัคซีนป้องกันโรค โดยเฉพาะกลุ่มโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ วัคซีนไอกรน วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนนิวโมคอคคัส (IPD) วัคซีนหัด
ปัจจัยที่ช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการเป็นโรคหืดในเด็ก
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ สารก่อภูมิแพ้และสารอื่นๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ
เด็กที่คลอดด้วยวิธีการคลอดธรรมชาติ
เด็กที่ได้รับนมแม่ตั้งแต่เกิดจนถึง อย่างน้อยอายุ 4-6 เดือน
ดูแลความสะอาดและดูแลให้ลูกไม่เสี่ยงกับการติดเชื้อที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจในช่วงอายุ 1 ปีแรก
การตรวจภูมิแพ้ "ตรวจให้รู้ว่าลูกแพ้อะไร"
สารก่อภูมิแพ้ 1 ในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ลูกเป็นหอบหืด "รู้แล้ว ลดเสี่ยง เลี่ยงได้"